หนังผีไม่กล้าไปดู รู้แต่ว่า ไม่สยอง ไม่ Extreme เหมือนที่โปรโมท เลยได้แต่หาข้อมูลมาให้ครับ
Short Review
- คนที่ชอบดูหนังผีตุ้งแช่เสียงดัง หนังผีเลือดสาด ห้ามไปดูเด็ดขาด เพราะมันไม่มีฉากพวกนั้นให้เห็นหรอก
- ตัวหนังมีฉากหลอกแบบ WTF หลายฉากพอสมควร
- หากไปดูต้องอย่าลืมว่า "นี่เป็นหนังญี่ปุ่น"
- ความสยองขวัญถือว่าเป็น "รสนิยมส่วนบุคคล"
บทความนี้เปิดเผยส่วนสำคัญของหนัง [Spoil]
บทความนี้อาจจะมีส่วนที่มีความผิดพลาดในเนื้อเรื่องเพราะผู้เขียนดูเวอร์ชั่นที่ไม่มีซับไตเติ้ล!
ผู้กำกับ ทาเคชิ ชิมิสึ เป็นผู้กำกับที่ฝากผลงานหนังสยองขวัญมาหลายเรื่อง ซึ่งก็มีตั้งแต่งานระดับตำนาน งานที่อยู่ในขั้นที่น่าพอใจ จนถึงงานที่อยากจะลืมปะปนกันไป
ด้วยการโปรโมทตนเองว่าเป็นหนังสยองขวัญ 3 มิติเรื่องแรกในเอเชียทำให้เป็นที่น่าสนใจของคนหลายคนอย่างแน่แท้ แต่หากไม่พูดถึงสามมิติมันจะมีอะไรไหม...?
คำตอบก็คือมี เพราะผมเป็นคนที่ดูหนังเรื่องนี้ที่เป็นเวอร์ชั่นแบบ 2 มิติ!
สิ่งที่น่าแปลกใจเป็นอย่างแรกคือการที่ตัวหนังเรื่องนี้ไม่ตัดสินใจที่จะกลายเป็นหนังผีตุ้งแช่ คือใส่ทุกอย่างเข้ามาอย่างขวางหน้า ทำให้คนดูตกใจแบบนอนสต็อปด้วยภาพและเสียงที่โผล่พรวดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ทั้งที่มันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีในเวลาดูหนังผีสามมิติ คือการทำให้คนดูตกใจ กรีดร้องโวยวายไว้ก่อน และออกจากโรงความรู้สึกที่สบายใจที่ได้ระบายออกไปเต็มที่ แต่ยังคงดำเนินด้วยความราบเรียบแบบหนังญี่ปุ่นที่เนิบนาบและเย็นเฉียบ
The Shock Labyrinth (Senritsu Meikyu) ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบเวลาซ้อนเวลาแบบที่ทาเคชิ ชิมิสึชอบใช้ (เขาใช้การเล่าเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เรื่อง Ju-on แทบทุกภาค) หนังเปิดเรื่องมาโดยที่มีเจ้าหน้าที่แบกศพออกมาจากตึกร้างแห่งหนึ่ง ชายคนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ลากออกมาพร้อมกับตะโกนว่า "มีอีกคนหนึ่งอยู่ข้างใน ๆ" ก่อนที่เขาจะถูกนำไปสอบสวนปากคำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ (ในช่วงนี้คือเวลาปัจจุบัน คือเหตุการณ์ในห้องสืบสวน)
ชายคนนั้นเริ่มเล่าย้อนไปถึงสิบปีก่อน ตัวเขาและเพื่อน ๆ ได้เข้าไปยังโรงพยาบาลผีสิงที่อยู่ถูกปิดไปอยู่แถวสวนสนุก แต่แล้ว ยูกิ เพื่อนของพวกเขาก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ (ในช่วงนี้คือเวลาสิบปีก่อน สมัยเด็ก)
เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อตัวของชายคนนั้น เคน ได้กลับเข้าบ้านเกิดอีกครั้งโดยที่มี โมโตกิ เพื่อนของเขามารับกลับ ในขณะเดียวกัน ริน แฟนสาวของโมโตกิ ผู้ตาบอดก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อไปดูแล้วก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอคือยูกิ เพื่อนของพวกเขาที่หายไปเมื่อสิบปีก่อน (ในช่วงนี้คือเวลาในเรื่อง)
แต่พอที่กลับมาแล้วพบยูกิแล้ว เคนมักจะรู้สึกปวดหัวเหมือนนึกอะไรไม่ออกพร้อมกับภาพของบันไดวงกตที่มีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ตรงกลาง
พวกเขาตัดสินใจพายูกิไปหาที่บ้าน ครอบครัวของยูกิที่สูญเสียลูกสาวไปอยู่ในสภาพที่ไม่มีทางเหมือนเดิมอีก ยูกิที่พบเห็นสภาพนั้นก็เกิดสภาพอาการประสาทกินตามหนังผีนิยมแล้วตกบันไดบ้านไป (เคนนึกถึงภาพบันไดนั้นอีกครั้ง)
พวกเขามุ่งหน้าไปยังที่โรงพยาบาลพร้อมกันหกคน (รวมน้องสาวของยูกิ) ซึ่งเป็นหมู่คณะเดียวกันกับที่พวกเขาเคยไปที่โรงพยาบาลผีสิงนั่นเช่นเดียวกับสิบปีก่อน
แต่เมื่อถึงโรงพยาบาล กลับไม่มีใครอยู่ แล้วยูกิก็ได้สติ เธอถามหาตลอดเวลาว่าคนอื่นอยู่ที่ไหน (เธอถามเช่นนี้บ่อยครั้งมาก ครั้งหนึ่งเธอจับแขนของเคนไว้แน่นแล้วถามว่า "เคนคุงใช่มั้ย") แล้วเธอก็วิ่งหายเข้าไปในโรงพยาบาล
ในขณะที่คนอื่นเดินตามหายูกิทีหายไป รวมถึงคนอื่นในโรงพยาบาล พวกเขาก็ได้ย่างก้าวเข้าไปสู่ที่ที่ไม่ควรเข้าไปแล้ว เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปเรื่อย ๆ โรงพยาบาลที่ดูใหม่และสว่างไสวก็ยิ่งดูเก่าและมืดมรเข้าไปทุกที ๆ ใช่แล้ว พวกเขาได้เข้าไปสู่ยัง "เขาวงกต" แล้ว
เมื่อพวกเขาเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ พวกเขาถึงได้รู้ตัว ว่าที่ที่พวกเขาอยู่ (ช่วงเวลาในเรื่อง) นั้นซ้อนเช่นเดียวกับช่วงเวลาเมื่อสิบปีก่อน นั่นอาจจะทำให้รู้คำตอบได้ว่า ยูกิ หายไปได้อย่างไร ในขณะเดียวกัน เคนก็ดูเหมือนจะนึกออกว่าตัวเขาเคยได้ทำอะไรลงไป
ในขณะนั้นยูกิก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ยูกิในวัยเด็กวิ่งมาเก็บตุ๊กตาที่ทำตกเอาไว้แต่ระหว่างทาง เธอก็กลายเป็นยูกิในวัยผู้ใหญ่แล้ววิ่งผ่านพวกเขาไป หลังจากนั้นประตูเหล็กก็หล่นลงมาปิดกั้น พวกเขาถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม เคนกับริน และ โมโตกิกับน้องสาว ก่อนที่พวกเขาแต่ละคนจะได้รู้ถึงความจริงอะไรหลายอย่าง
เขาวงกตในเรื่องนี้เป็นช่วงเวลาที่ทับซ้อนกันทั้ง ช่วงเวลาในเรื่องและช่วงเวลาเมื่อสิบปีก่อน ทุกสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมีผลต่อช่วงเวลาของอีกฝ่าย ราวกับจะตอกย้ำว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะหลุดพ้นออกมาจากเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้
เราอาจจะพูดได้ว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ เคนกลับมายังบ้านเกิด เมื่อเขากลับมายูกิก็ปรากฏตัวมาพร้อมกับเขา และได้พาพวกเขาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อนกลับเข้ายังสถานที่เดิมอีกครั้งเพื่อที่จะ "เฉลย" และ "ให้ผลลัพธ์" ของแต่ละคน
หลังจากนั้นเราก็เหมือนจะเห็นหลายฉากบอกใบ้อยู่บ่อย ๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วยูกินนั้น อยู่กับเคนตลอดเวลา
คนที่มีส่วนร่วมในการกระทำได้รับการชดใช้อย่างเจ็บปวด คนที่ต้องแบกรับความจริงที่น่าเศร้านั้น ดูเหมือนว่าจะได้รับสิ่งที่เรียกว่าการุณฆาต ในขณะที่คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็ต้องรับบาดแผลไปตลอดชีวิตเช่นกัน
ถึงแม้เราอาจจะไม่รู้ได้ว่าสิ่งที่เกิดในเขาวงกตนี้เป็นเพียงแค่ภาพหลอนของเคนหรือทุกอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นเหมือนกัน เหล่าตัวละครเรื่องที่อยู่ในห้วงเวลาในเรื่องมักจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาเมื่อสิบปีก่อน รวมถึงการฝันเห็นห้วงเวลาอีกมิติที่มีความแตกต่างกันไป
เคน เป็นตัวละครที่ต้องแบบรับความรู้สึกผิดบาปมาตลอดทั้งเรื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเขานั้นก็ได้ "ลืม" สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไปไม่ต่างอะไรขากการหลอกและล้มล้างความผิดของตัวเองเพื่อความสบายใจ
บางทีการที่ยูกิในร่างผู้ใหญ่วิ่งวนถามหาว่าเพื่อน ๆ ของเธออยู่ที่ไหนนั้น เธออาจจะถามหาเพื่อน ๆ ของเธอใน"อดีต" มากกว่าเพื่อน ๆ เธอ"ในปัจจุบัน"ก็ได้
ดังนั้นเราอาจจะพูดได้ว่าในช่วงหลัง ๆ (หรืออาจจะเป็นทั้งเรื่อง) นั้นอาจเป็นเรื่องราวของโลกในจิตใต้สำนึกของเคนมากกว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง ในโรงพยาบาลนั้นสิ่งที่มีไม่มีชีวิตกลับมีชีวิต ในขณะสิ่งที่มีชีวิตกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต นั่นเป็นสิ่งที่สื่อถึงความหมายอะไรหรือเปล่า?
รวมถึงการกระทำที่เหมือนกับการ "ยืมมือคนอื่นฆ่า" (เหตุการณ์ตรงบันได เหตุการณ์ตุ๊กตากลางสายฝน) เพราะหากลองพิจารณาดูเหมือนว่าทุกสิ่งนั้นจะผลกระทบจากการกระทำของตัวเคนเองทั้งสิ้น
อีกทั้ง หลายฉากการปรากฏตัวของเคนนั้นเป็นเหมือนกับสิ่งที่อธิบายไม่ได้ อย่างน้อยก็มีอยู่ฉากหนึ่งที่เขาปรากฏออกมาในสภาพที่เหมือนคนเลื่อนลอยไร้สติก่อนที่จะกระทำอะไรบางอย่างแล้วหายไปจากฉาก
จนถึงสุดท้าย หากเราได้เปรียบเทียบผลลัพธ์ของตัวละครที่แต่ละคนได้รับแล้ว เราอาจจะเห็นว่าผลลัพธ์ของเคนนั้นเป็นเรื่องที่เล็กน้อยที่สุด แต่ในทางกลับกันตัวละครอย่างเคนเป็นตัวละครที่สงสารและน่าสมเพชมากที่สุด
เพราะหากบทสรุปในท้ายเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงนั่นก็หมายความว่า มีคนคนหนึ่งที่หลบหนีและปิดเบือนความผิดของตัวเองตลอดมา และถึงตอนนั้น ตัวของเขาก็คงต้องติดอยู่ในวงกตนั้นตลอดชีวิตเฉกเช่นเดียวกับภาพเปรียบเปรยในท้ายเรื่องที่ตัวของเขาถูกพาจูงเข้าไปในเขาวงกตนั้นอีกครั้ง
และดูเหมือนครั้งนี้เขาคงจะไม่ได้ออกมาอีกแล้ว
(เล็กน้อย: ในฉาก opening credit และ ending credit ตัวหนังโชว์ภาพของ "ป่า" และ "บันไดวน" มันอาจจะหมายถึง "การเดินทางที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดตรงไหน" - ป่าของญี่ปุ่นที่คนหลงทางสมารถตายได้และบันไดวนที่มักถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเส้นทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่หลังจากนั้นตัวหนังก็บอกว่าวิธีการที่จะหาทางออกได้นั้นคือ "การขึ้นไปข้างบน" แน่นอนว่าถ้าเป็นบันไดวนเดินยังไงก็ต้องถึงปลายทาง แต่หากเป็น ป่า นั้นก็อาจจะหมายถึงความตายก็เป็นได้ - อย่างไรก็ตามทั้งใน opening credit และ ending credit นั้นบอกวิธีออกจาก "ป่า" แต่ไม่มีการบอกว่าปลายทางของบันไดนั้นอยู่ที่ไหน)
พอดูเรื่องนี้จบ เราว่าไม่มันส์เลยอ่ะ
ตอบลบแต่พอมาอ่านบทความนี้เลยเข้าใจ
แต้งกิ้วค่าาาา