Search

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

วิจารณ์ How To Train Your Dragon

ขอเอ่ยถึงเนื้อเรื่องก่อน ซึ่งเป็นเรื่องราวของฮิคคัพ (ถ้าจำไม่ผิด) เป็นหนุ่มในชนเผ่าไวกิ้งเพียงไม่กี่คนที่ร่างกายผอมบางเพรียวๆ (คนในเมืองหลายคนที่ทำงานหน้าคอมจนไขมันปูดเอาบวมเอาอาจเป็นหุ่นที่หลายๆคน อิจฉา แต่สำหรับฮิวดิส ไวกิ้งต้องตัวใหญ่ๆเท่านั้น ยิ่งใหญ่ ยิ่งหมายถึงนักรบที่ทรงพลัง) อยากที่จะเป็นไวกิ้งเต็มตัวโดยการพิชิตมังกรบ้าง เขาไม่เคยอ่านหรือศึกษาเรื่องมังกร เพราะทุกครั้งที่มังกรโผล่ออกมา เขามักจะสร้างหายนะให้กับคนในหมู่บ้านเสมอๆ

มังกรจะปรากฎตัวออกมา ชิงเสบียง ขโมยแกะ เนื้อ หรืออะไรที่พวกเรากินกัน ซึ่งบางครั้งก็เผาบ้านเผาเรือน ดูจากในหนังแล้ว ตอนที่มังกรโผล่มาแรกๆ อาจไม่ได้ต้องการทำลายบ้านเรือน แต่ฝ่ายไวกิ้งเป็นฝ่ายจู่โจมต่างหาก พวกมันจึงต้องทำลายเพื่อป้องกันตัว (แต่แหงแหละ มังกรโผล่มาฝูงเป็นสิบๆตัวคงไม่มีใครไปนั่งเป่ายิ้งฉุบกับมันหรอก ยกเว้นจะคุยกันรู้เรื่อง) ซึ่งในตอนเปิดเรื่องก็เช่นกัน ฮิวดิสพยายามที่จะออกไปต่อสู้กับมังกรบ้าง (และเป็นสิ่งที่ผู้ชายแทบทุกคนอยากพิสูจน์ความกล้าหาญ) และเมื่อเขายิงหน้าไม้ไปโดนมังกรที่มีคนกล่าวขวัญว่ามันดุร้ายตัวหนึ่งเข้า แต่ก็กลับทำเรื่องเสียจนทำให้คนในหมู่บ้านไม่ชอบใจอีกครั้ง

พ่อของฮิคคัพเป็นผู้นำที่ต้องการที่จะขับไล่มังกรไป ซึ่งก็กังวลเรื่องลูกชายตนเองว่าจะเป็นแบบไวกิ้งไม่ได้ โดยเพื่อนของเขาที่เป็นครูฝึกนักรบไวกิ้งให้สู้กับมังกรก็แนะนำให้เขาฝึกลูก ชายตัวเองเป็นนักรบ ดีกว่าให้เขาตีดาบไปวันๆ ในขณะนั้น ฮิคคัพ ได้สะกดรอยตามมังกรตัวนั้นไป จนกระทั่งเจอและคิดที่จะฆ่ามันเพื่อทำให้พ่อและทุกคนรู้ว่าเขาจับมันได้ จริงๆ แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ฆ่า เมื่อเขาปล่อยมันออกมาได้ มันก็พุ่งออกมาคำรามใส่เขาก่อนที่จะบินหนีไป โดยที่ไม่ทำอะไรเขาสักนิด ซึ่งตามที่เขารู้มา มังกรต้องฆ่าไวกิ้ง

และเมื่อเขาอยู่กับมันไป นานๆ ความเกรงกลัวกลายเป็นความไว้วางใจ และเกิดเป็นมิตรภาพใหม่ขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาจะสามารถทำให้คนในหมู่บ้านยอมรับเรื่องมังกรได้ไหม และสำหรับพ่อของเขาที่เกลียดมังกรเข้ากระดูกดำจะยอมรับไหม อันนี้ไปดูในโรงเองเลยครับ เพราะถือว่าสปอยมาพอละ
เอาหละ ทีนี้ เรามาดูภาพโดยรวมกัน ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกไว้เลยว่าผมมันคอหนังแอนิเมชั่น ชอบมากกว่าคนแสดงเสียอีก มาดูเรื่องบทกันก่อนเลย ผมคิดได้ว่านี่เป็นภาพยนต์ของ DreamWork เพียงไม่กี่เรื่องที่ทำออกมาแล้วเน้นเนื้อหาที่ยิ่งใหญ่ อลังการ และกินใจ ซึ่งผมบอกได้ว่ามันมีกลิ่นอายความเป็น Pixar อยู่ไม่น้อย ที่เน้นเรื่องบทมากกว่ามุขฮาๆ แต่ก็ยังมีความเป็น DreamWork อยู่ ดังนั้นสำหรับเรื่องบท ผมบอกตรงๆ เดาได้ง่ายในบางฉาก แต่ เฮ้ !! คุณดูหนังคุณอยากดูสนุกๆหรือจ้องจับผิดให้เครียดหละ ถูกไหม

มาดู เรื่องภาพกัน ดูจากลำดับภาพนั้น ถ้าจะนับแอนิเมชั่นที่ผมยกย่องว่าทำเนียนที่สุดแล้วอย่างเรื่อง Bolt ที่หลายฉากผมแยกไม่ออกว่าอันไหน CG อันไหนของจริงนั้น เรื่องดราก้อนนี่ทำเกือบจะเท่ากันแล้ว พูดง่ายๆก็คือ เทียบเท่ากันแล้วนะแหละ เพราะเรื่อง Bolt นั้นใช้เทคโนโลยีสร้างเมื่อปี 2007 โดยประมาณ ซึ่งสำหรับดราก้อนก็น่าจะสร้างราวๆในปี 2007 - 2009 จนถึงกระทั่งต่อคิวฉายในปี 2010 ถ้าจะกวาดตามองในคุณภาพของกราฟฟิกนั้น จะมีหลายฉากทำได้สมจริงไม่แพ้เรื่อง Bolt เลย มันเป็นโลก ไม่ใช่แค่ฉากนั่นเอง

จุดเสียของเรื่องนี้ในเรื่องของฉากนั้นไม่ใช่ ว่ามันไม่เนียน แต่ก็คือความเป็นโลก ซึ่งน่าจะมีฉากให้มากกว่านี้ เพราะมันก็เหมือนเกาะเล็กๆที่มีคนอยู่แค่ร้อยกว่าคน เทียบกับเผ่าไวกิ้งที่ชื่อว่าเป็นนักเดินเรือที่ยิ่งใหญ่แล้ว กลับทำให้ผมคิดว่าคงเป็นไวกิ้งที่แยกตัวออกมาแน่ๆ ถ้ามีการเพิ่มมุมมองฉากมากกว่านี้จะทำให้มีความรู้สึกเป็น โลก มากกว่านี้แน่นอน



ทีนี้มาดูเรื่องที่ทุกคนไปดูมาแล้วชอบกัน มังกร เรื่องนี้มีกลิ่นอายของเรื่องเอรากอนมาก แต่สำหรับเรื่องนี้ ทาง DreamWork ได้ทำให้เจ้ามังกรพวกนี้มีความฉลาดเกือบเท่ามนุษย์ (ขอยํ้ากว่าเกือบเท่า) ซึ่งนั่นทำให้ยกระดับเจ้าสัตว์ที่ยิ่งใหญ่พวกนี้มาอยู่เทียบเท่าสัตว์เลี้ยง ที่รู้ใจมนุษย์เท่านั้น ซึ่งเอาจริงๆแล้วคุณค่าของมังกรต้องมีมากกว่านี้ แต่ก็อย่างว่า หลายๆเรื่องเอามังกรเป็นตัวร้ายก็มีไม่น้อย และมังกรมันก็ไม่ได้มีอยู่จริงๆ เราจะจินตนาการยังไงก็ได้ แต่ดูจากเรื่องนี้แล้ว ทีมงานตั้งใจที่จะทำให้คนดู "หลงรักมังกร" เข้าแบบหัวปักหัวปำ จนจะทำให้คนดูอยาก "เลี้ยงมังกร" จริงๆ ไม่แปลกที่เขาจะทำให้มันมีฐานะเหมือนสัตว์เลี้ยง

เอาจริงๆแล้วมังกร ในเรื่องนี้ก็เปรียบเหมือนกับสัตว์ประเภทหนึ่งที่มนุษย์เราชอบโบ้ยความผิด หรือประกาศเป็นศัตรูกับมัน ซึ่งเอาจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเราคิดก็ได้ จุดนี้เองที่ทาง DreamWork ต้องการที่จะสื่อก็คือ สัตว์หรือสิ่งมีชิวิตที่เราเห็นๆหรือคิดๆกันอยู่ มันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ตรงกันข้าม มันอาจจะมีค่าหรือดีกว่าที่เราคาดหมายก็ได้ อย่าตัดสินแต่ภาพภายนอก ต้องมองดูให้ ลึก กว่านี้

ทางด้านเอฟเฟค CG โดยเฉพาะการต่อสู้กัน ทางทีมงานเนรมิตจนสมจริงเอามากๆ ผมว่าส่วนหนึ่งพวกเขาเอาประสบการณ์จากเรื่องกังฟูแพนด้าเอามาสานต่อ ให้มันมีความสมจริงและหลายๆอย่างที่คนจริงๆทำไม่ได้ ดังนั้นสำหรับฉากที่ยิ่งใหญ่และอลังการนั้นคุณจะไม่ผิดหวัง ถึงแม้ว่าตอนท้ายๆอาจจะผิดหวังเล็กน้อยที่อาจไม่ยิ่งใหญ่เท่าแนว The Load of the Ring ฉากที่ผมว่านี้ สำหรับเด็กๆอาจไม่คิดมาก แต่สำหรับผมหรือผู้ใหญ่บางคนอาจจะจับจุดได้ ซึ่งจริงๆสามารถทำให้อลังการกว่านี้ได้ แต่ก็อย่างว่า แค่นี้มันก็อลังการมากพอละ จะให้อลังการไปถึงไหนกัน -*-

สิ่งเดียว ที่ผมอยากตำหนิก็คือเสียงประกอบ โอเค มันมีความยิ่งใหญ่ ชาตินักรบ การผจญภัย และมิตรภาพแฝงอยู่ แต่สำหรับบทเพลงประกอบนั้นกลับทำไม่ค่อยยิ่งใหญ่อย่างที่ผมคาดเอาไว้ จริงๆคือไม่ได้คาดอะไรตั้งแต่แรกแล้ว แต่อยากให้บทเพลงมันยิ่งใหญ่และซึ้งกินใจกว่านี้ ถ้าทำได้ เชื่อสิ เรื่องนี้จะเข้าไปอยู่ในใจคนดูมากกว่านี้แน่นอน

อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบ ใจก็คือ นางเอก ของเรื่อง ตอนแรกๆดูนั้นเหมือนจะไม่มีเสน่ห์อะไรมากมาย ดูผ่านๆเหมือนไม่มีหน้าอกด้วยซํ้า แต่พอดูลึกจริงๆแล้วมันมี เอ่อ ไม่ใช่แค่หน้าอก แต่เป็นเรื่องของบุคคลิคตัวละครที่มีเสน่ห์เต็มตัว ตัวภาพยนต์นั้นทำให้คุณค่อยๆรู้จักกับเธอไปทีละเล็กทีละน้อย ถึงบางฉากจะไปมึนๆกับคู่แฝดในเรื่องก็เหอะ

สรุป เรื่องของมังกรนี้เป็นภาพยนต์แอนิเมชั่นไม่กี่เรื่องที่จะทำออกมาเจริญรอย ตามอย่าง Eragon หรือ The Load of The Ring เป็นหนังแอนิเมชั่นที่ DreamWork ทำออกมาฉีกแทบทุกแบบของหนังทุกเรื่องที่ทีมงานสร้าง และสำหรับคนที่ต้องการดูความยิ่งใหญ่และอลังการของชาตินักรบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ชอบมังกร ผมแนะนำให้ไปดูในโรง เชื่อผมเถอะ 120 บาทขนจั๊กแร๊คุณไม่ร่วงหรอก ดูในโรงหนัง ความยิ่งใหญ่ของมันจะมีมากขึ้น มากกว่าในบ้านเสียอีก ถ้าบ้านคุณมีทีวีจอใหญ่ยัก FullHD + เครื่องเล่นบลูเรย์ โอเค ผมไม่เถียงว่าแบบนั้นมันก็อลังการไม่แพ้โรงหนังหรอก (ผมมันจนนิ =_=) แต่ถ้าจะเอาประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมหละก็ ยังไงก็แนะนำไปดูในโรงครับ

คะแนน ของผม - 9.3 / 10.0

บทวิจารณ์นี้ ก็อบเค้ามานะครับไม่ได้วิจารณ์เอง
นำบทวิจารณ์มาจากคุณ patiweshchan
ซึ่งขออนุญาตตัดบางส่วนออกนะครับ ท่านบ่นความในใจของท่านที่ไม่เกี่ยวกะหนังพอสมควร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น