Search

วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553

Chloe

Chloe
เนื้อเรื่อง Chloe

Chloe
แคทธาลีน (จูลี่แอน มัวร์) แพทย์หญิงที่ประสบความสำเร็จ และ เดวิด (เลียม นีสัน) อาจารย์มหาวิทยาลัย แต่งงานกันและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งสองมีหน้ามีตาในสังคมและมีลูกชายที่มีอนาคตในเส้นทางดนตรี แต่แล้วภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูสวยงามก็เริ่มสั่นคลอน เมื่อ เดวิด ไม่ปรากฏตัวในงานวันเกิดของตัวเอง ซึ่งทำให้ แคทธารีน เริ่มสงสัยถึงความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวของสามี

Chloe

เพื่อไขข้อข้องใจ แคทธาลีน ตัดสินใจจ้าง โคลอี้ (อาแมนด้า ไซเฟร็ด) เอสคอร์ทสาวให้มาล่อลวงสามีเพื่อทดสอบ แต่การทำงานของ โคลอี้ ในการล่อลวง เดวิด นั้น กลับทำให้ แคทธาลีน เดินเข้าสู่วังวนของกิเลสและตัณหา และค้นพบกับความรู้สึกที่ลืมเลือนไปอีกครั้ง แต่การเปิดประตูสู่เขตแดนอันต้องห้าม อาจทำให้ชีวิตของคนทั้งสามพบกับการพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิต

Chloe

Chole คือภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่บอกเล่าถึงความรักและการหลอกลวง ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ปี 2003 เรื่อง Natalie ของ แอน ฟองแต็ง ผู้กำกับหญิงชาวฝรั่งเศสชื่อดัง โดยเป็นการประชันกันของสามดาราชั้นนำอย่าง อแมนด้า ไซเฟร็ด ดาราสาวจาก Mamma Mia! และ Dear John, จูลี่แอนน์ มัวร์ นักแสดงที่เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้ว 4 ครั้ง และ เลียม นีสัน ที่เพิ่งมีผลงานแอ็คชั่นสุดมันส์อย่าง Taken

Chloe

Chloe เป็นผลงานของ อะตอม อีโกยัน ผู้กำกับหนังมือรางวัลชื่อดัง ที่ได้รับรางวัลจากเวทีการประกวดทั่วโลกมาแล้วกว่า 40 ครั้ง โดยมีผลงานเด่นอย่าง The Sweet Hereafter ที่ทำให้เขาได้เข้าชิงถึงสองรางวัลออสการ์ และเขียนบทโดย อีริน เครสสิด้า วิลสัน ผู้สร้างชื่อจากการเขียนบทให้กับ Secretary หนังรักโรแมนติกอารมณ์แปลกใหม่ ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลนักเขียนบทหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก Independent Spirit Awards

ข้อมูลจาก http://movie.kapook.com/view12002.html

วิจารณ์กันดีกว่า
บังเอิญเห็นมีคนวิจารณ์เรื่องนี้อยู่แล้ว และก็วิจารณ์ได้ดีไม่มีสปอยล์ก็เลยขอมาทั้งดุลเลยก็แล้วกันนะครับ จะได้เป็นแนะนำหนังให้คนได้ดูในช่วงสงกรานต์

>>> ดูมาแล้ว + + CHLOE เธอซ่อนร้าย + + [18 +] ไม่สปอยล์.....!!!

วันนี้รอบเพรสกระหน่ำซัมเมอร์เซลมากกกก
เลือกไม่ถูก แต่ก็เลือกเรื่องนี้ เพราะอยากดูอะไรที่มัน 18+ ฮ่าาาาาา

อ่านคำวิจารณ์ในเน็ต หลายๆเว็บค่อนข้างดี
แต่ก็ไม่ได้อ่านอะไรมาก ทำให้ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหนังมันเป็นหนัง ........แอ่ดแอ่ด

คุ้มค่ามาก สำหรับการได้นั่งดู อแมนด้า เซย์ฟรี้ด นุ่งน้อยห่มน้อย ไปจนถึงไม่นุ่งเลย (18+ จริงๆ)
กล้าเล่นมาก ณ จุดๆนี้ ทำเอาอึ้งกิมกี่เลย ไม่นึกว่าจะกล้าเปลืองตัวขนาดนี้

ส่วนเจ๊จูเลี่ยนก็ กล้าเช่นกัน แต่เราเห็นเจ๊แกเล่นอะไรแบบนี้มาเยอะแล้วก็เลยไม่ค่อยอะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์เซลเท่าไหร่ ..แต่ยังไงก็เสียวอยู่ดี ณ จุดๆนี้

...หนังมาพร้อมประเด็นแตกหักทางครอบครัว พลิกปมหลายตลบ
แต่ไม่เกินคาดเดา เพราะเห็นหน้าหนัง แล้วดูหนังไปเรื่อยๆก็พอจะเข้าใจไปทีละจุด

หนังเรียงเรื่องไปแบบไม่มีอะไรหวือหวา ดูไม่ยาก เหมือนหนังตลาดทั่วๆไป
อาจจะมีจุดน่่าเบื่อ จุดชวนง่วง จุดพักหลับอยู่บ้าง แต่หนังก็พีคขึ้นเรื่อยๆ
น่าเสียดายที่พีคได้ไม่สุด ตอนจบก็เลยเหมือนค้างๆคาๆอะไรบางอย่าง

งงๆว่า จบแล้วหรอ ... จบแบบนี้หรอ
แต่ก็ไม่ยากเกินคาดเดาตั้งแต่แรก แต่คิดว่ามันน่าจะพีคกว่านี้

นักแสดงเล่นได้ดี หนังดำเนินเรื่องก็ดีพอใช้
แต่อิโคลอี้ เธอยังร้ายได้กว่านี้อีกน่าาาาาาาาาาาาา

แต่ชดเชยกันได้ด้วยฉาก 18+ เห็นอะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย
ฮ่าาาา นี่เราเข้ามานั่งดูอะไรกันแน่

คะแนนก็ 7.5 / 10

จากคุณ
southern77

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9095069/A9095069.html

ขออนุญาติเพิ่มเติมนะครับ
คือเรื่องนี่มัน 18+ มากมายนะครับ เด็กน้อยเด็กดี ยังไม่ต้องรีบดูนะครับ มันจะไม่งาม

ในเรื่อง โคลอี้เล่นเป็นสาวอายุประมาณ 25 ซึ่งอายุน้อยกว่า แคทเธอรีน มาก ภายนอกดูเป็นสาววัยใสไร้เดียงสา ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอเป็นผู้ผ่านประสบการณ์ ผ่านโลกมามาก เธอรู้ดีว่าเป้าหมายของเธอคืออะไร เธอดูมีความสุขที่ได้ใช้ความสามารถของเธอในการควบคุมจิตใจฝ่ายตรงข้าม โดยใช้เรือนร่างของตัวเองเป็นเครื่องมือ

เมื่อดูหนังเรื่องนี้คุณก็จะเข้าใจสิ่งที่ อีโกยัน(ผู้กำกับ) ต้องการจะสื่อมันออกมา ว่าอะไรคือแรงจูงของโคลอี้ เธอทำมันเพื่อเงินหรือไม่ หรือทำมันเพื่ออย่างอื่นนอกเหนือจากเงิน
แล้วคุณลองถามตัวเองดูนะครับว่า ใครในแต่ละตัวละคร ต้องการอะไร แล้วได้อะไร เค้าตัดสินใจอย่างไรเพื่อสนองกิเลสตนเอง แล้วดูว่าพวกเค้ามักสรุปเรื่องราวต่าง ๆ ตามความคิดของตนเองมันสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตพวกเค้าขนาดไหน
เชิญผู้ใหญ่ทั้งหลายได้ไปลองดูหนังเรื่องนี้กันนะครับ
กะลาน้อย


อันนี้หามาเพิ่มให้ครับ จากเว็บ manager.co.th (http:// www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000057383)
โดยคุณ อภินันท์ บุญเรืองพะเนา

ถ้าจะมีการจัดอันดับหนังดีที่ผมได้ดูมาตั้งแต่ต้นปี Chloe ย่อมติดอยู่ใน 5 เรื่องแรกแน่ๆ นอนๆ แต่ทว่าก่อนที่จะไปพูดถึงหนังเรื่องนี้ มันมีเรื่องบางเรื่องที่ผมคิดว่าน่าหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นกันเล็กน้อย

ครับ, สำหรับใครก็ตามที่เกาะติดก้าวตามความเคลื่อนไหวในวงการหนังมาอย่างต่อเนื่อง คงจะเห็นว่า แวดวงหนังบ้านเรานั้นได้นำเอาระบบการจัดเรตหรือเรตติ้งมาใช้ได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งคนที่เข้าไปดูหนังโรงเป็นประจำ จะพบว่า ก่อนหนังทุกเรื่องเริ่มฉาย จะมีการขึ้นคำแนะนำระบุอายุของผู้ชมว่า “เหมาะสม” ที่จะชมหนังเรื่องนั้นๆ หรือไม่

ย้ำนะครับว่า นั่นเป็นเพียง “คำแนะนำ” ไม่ได้ถือเป็น “ข้อห้าม” แต่อย่างใด ดังนั้น อย่าแปลกใจ ถ้าคุณเห็นน้องๆ วัยมัธยมเข้าไปชมหนังอย่างนาคปรกหรือ A Serious Man ที่แปะเรต 18+ และที่ผ่านๆ มา การจัดเรตในภาพรวม ก็ดูจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีสิ่งที่ไม่เคลียร์อยู่บางประการ

ถ้าไม่นับรวมเรื่อง “การขึ้นคำเตือน” ในหลายๆ ฉากของนาคปรก (เช่น “การสักยันต์ไม่ใช่กิจที่สงฆ์พึงกระทำ” ฯลฯ) ซึ่งหลายๆ คนมองว่ามันเท่ากับเป็นการปิดกั้น “การตีความ” ของคนดูผู้ชมที่สามารถนำมาวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมี “ถ้อยคำสำเร็จรูป” แบบนั้นคอยบอกกล่าว...สิ่งที่เกิดขึ้นกับหนังอย่าง It’s Complicated ก็เป็นอะไรที่น่าคิดไม่น้อยไปกว่ากัน
บอกกล่าวเล่าความอย่างสั้นๆ ครับว่า หนังเรื่องนี้ ทีแรกได้เรต “ฉ 20-” (ซึ่งหมายถึง ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีดู) และเรต “ฉ 20-” นี้จัดเป็นเรตที่ 6 ซึ่งถ้ายกระดับขึ้นไปอีกนิด คือเรตที่ 7 มันจะกลายเป็น “หนังที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร” ไปทันที

ทั้งนี้ เหตุผลที่ It’s Complicated ได้เรตสูงขนาดนั้น ก็เพราะว่ามันมีฉากที่ตัวละครในเรื่อง “เสพกัญชา” กัน แต่ค่ายหนังที่นำมาจำหน่ายในบ้านเรายินดีที่จะตัดฉากดังกล่าวซึ่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในเรื่องออกไป รวมทั้งหมดประมาณ 30 วินาที เพื่อให้ตัวเองได้เข้าฉายในเรต 18+
คำถามก็คือ แล้วหนังอย่าง A Serious Man ซึ่งมีฉากเด็กวัยรุ่นปุ๊นกัญชาอยู่หลายครั้ง แต่ทำไม กลับได้เรต 18+ ตั้งแต่ต้น??

ใช่หรือไม่ว่า นี่คือความสับสนและลักลั่นในการจัดเรตหนังของบ้านเรา?

โดยส่วนตัว ผมคงไม่อาจไปบอกใครได้ว่า ต้องทำแบบนั้นแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าอะไรๆ มันยังเป็นอยู่เช่นนี้และเช่นนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าพจนานุกรมไทยจะมีคำว่า “มาตรฐาน” ไว้ทำอะไร?
ไม่ว่าจะยังไง ในขณะที่มาตรฐานการจัดเรตยังดูมึนๆ งงๆ อยู่นั้น ผมว่าด้านที่ดีของมันก็มีอยู่ อย่างน้อยที่สุด เรื่องของการ “ตัด-บัง-เบลอ” ก็ดูจะเบาบางลงไปบ้างแล้ว เพราะถ้าไม่อย่างนั้น หนังอย่าง Chloe คงไม่ “หลุดรอด” ออกมาให้เราเห็นเช่นนั้นแน่นอน

เนื่องเพราะฉากร่วมรักอันร้อนแรงระหว่างเพศเดียวกัน รวมไปถึงความกล้าได้กล้าเสียแบบไม่หวงเนื้อหวงตัวของดาราสาวอย่าง “อแมนดา ไซฟรี้ด”...โคลอี้ (Chloe) ผ่านเข้าฉายในเรต 18+ นี่คือผลงานการกำกับของ “อะตอม อีโกยัน” ซึ่งอาจจะไม่คุ้นหูคนดูหนังในวงกว้างของบ้านเรา เพราะนอกเหนือไปจาก Where the Truth Lies ที่มีโอกาสได้มาเข้าฉายให้คนไทยได้ดูนั้น งานที่เหลืออีกนับสิบเรื่องของอีโกยันก็แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ห่างไกลจากสายตามวลชนคนดูหนังส่วนใหญ่ไปเลย

“โคลอี้” เป็นผลงานรีเมกจากหนังเรื่อง Nathalie ของ “อานน์ ฟงแตง” ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสที่เพิ่งมีหนังเรื่อง Coco Before Chanel เข้าฉายในบ้านเราเมื่อเร็วๆ นี้ เนื้อเรื่องนั้นเล่าถึง “แคทเธอรีน” (จูลีแอนน์ มัวร์) คุณแม่ลูกหนึ่งซึ่งกำลังสงสัยในความซื่อสัตย์ของสามี (เดวิด รับบทโดย เลียม นีสัน) เธอจึงว่าจ้างนางบำเรอคนหนึ่งให้เข้าไปทำเป็นตีสนิทและยั่วยวนเดวิดเพื่อพิสูจน์ว่าเขาจะมีพฤติกรรมนอกใจเธอจริงหรือไม่ และที่สำคัญ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในแต่ละวัน หญิงบำเรอคนนั้นจะต้องกลับมารายงานให้แคทเธอรีนฟังด้วยว่าภารกิจลุล่วงไปถึงขั้นไหนแล้ว

ฟังจากพล็อตเรื่อง ดูๆ ไปก็ไม่ต่างจากนิยายสืบสวนซึ่งแม่บ้านสักคนว่าจ้างนักสืบให้ตามจับผิดสามี หลังจากเห็นพฤติกรรมน่าสงสัย อย่างไรก็ดี ถ้าอะไรๆ มันเรียบง่ายแค่นั้นก็คงไร้ปัญหา เหมือนจับโจรได้ก็เป็นอันจบกัน แต่ที่มันไม่ง่ายก็เพราะว่า...“คนบางคน รู้หน้าไม่รู้ใจ” อย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ...

นอกเหนือไปจากบทภาพยนตร์ที่ซ่อนปมได้ลึกลับซับซ้อนและชวนค้นหา ผมคิดว่า สิ่งที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับงานชิ้นนี้มากๆ เลย ก็คงหนีไม่พ้นนักแสดงสาวอย่าง “อแมนดา ไซฟรี้ด” จากเด็กสาวที่เคยดูสดใสใน Mamma Mia! หรือดูอ่อนหวานใน Dear John เธอพลิกตัวเองมาเล่นตำแหน่งที่ดูแรงตั้งแต่คาแรกเตอร์ นั่นคือการเป็นโสเภณีผู้ทำหน้าที่ไปยั่วผัวชาวบ้าน ซึ่งถ้าไม่นับรวมการที่ต้องเปลือยกายเข้าฉากโชว์สัดส่วนเรือนร่าง ก็ยังมีฉากที่เธอต้องเข้าฉากอีโรติกกับดารารุ่นแม่อย่างจูลีแอนน์ มัวร์ นั่นอีก

พูดมาถึงความอีโรติก เพื่อนๆ น้องๆ ผู้หญิงหลายคนถามผมด้วยความอยากรู้ว่าหนังเรื่องนี้อีโรติกมากไหม อันดับแรก ผมคิดว่าคงต้องขอบใจระบบเรตติ้งเขาล่ะครับที่ทำให้ฉากต่างๆ ในหนังยังคงอยู่อย่างที่ผู้กำกับเขาทำมา อย่างไรก็ตาม ถ้าถามผมจริงๆ ว่า เลิฟซีนของหนังเรื่องนี้เป็นยังไง ก็ตอบได้เลยว่า ถ้าไม่รวมเมคเลิฟระหว่างผู้หญิงต่างวัยทั้งสองนั้นแล้ว ที่เหลือก็แทบจะไม่มีฉากโจ๋งครึ่มอื่นใดเลยที่แรงไปกว่านั้น

แน่นอนล่ะ สำหรับ “อะตอม อีโกยัน” ที่คุ้นเคยกับการทำหนังซึ่งมีฉากเซ็กซ์ๆ เอ็กซ์ๆ (ไม่ว่าจะเป็น Exotica หรือแม้แต่ Where the Truth Lies) การจะใส่ “ฉากอย่างว่า” เข้าไปในหนังมากมายแค่ไหน มันไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ก็อย่างที่บอก นอกจากฉากบนเตียงของสองหญิงนั้นแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไร (แต่หลายๆ คนอาจจะบอกว่า เพียงแค่นั้นก็เยอะแล้วล่ะ) และเหนืออื่นใด แทนการโชว์ฉากเมคเลิฟโจ๋งครึ่มเยอะๆ ผมคิดว่าอะตอม อีโกยัน กำลังสนุกในการเล่นกับ “จินตนาการเชิงอีโรติก” ของคนดูมากกว่า

ยังไงน่ะหรือ?

เราจะเห็นครับว่า ทั้งๆ ที่หนังไม่เคยนำเสนอภาพการมีเซ็กซ์ระหว่างเธอกับเดวิดให้เราได้เห็นเลย แต่หลังจากที่โคลอี้ไปปฏิบัติการในแต่ละวันแล้วเธอต้องกลับมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แคทเธอรีนได้รับรู้ “เรื่องเล่า” ของเธอ (ที่บรรยายถึงการประกอบกิจกับเดวิดอย่างละเอียด) นั้นกลับทำให้แคทเธอรีนหรือแม้แต่เราคนดู รู้สึกนึกคิดเกิดจินตนาการภาพขึ้นภายในใจโดยที่หนังไม่จำเป็นต้องเปลืองฟิล์มในการถ่ายทำ “ฉากแบบนั้น” เลยแม้แต่น้อย

นี่คือศิลปะของการทำหนังอีโรติกแบบหนึ่งเลยล่ะครับผมว่า...มันคงคล้ายๆ กับตอนที่เราอ่านนิยายดีๆ อย่าง “จัน ดารา” ของอุษณา เพลิงธรรม แล้วความรู้สึกวาบหวามทั้งหมดทั้งมวลก็ดูเหมือนจะถูกผ่องถ่ายออกมาทางตัวหนังสือนั้นโดยไม่จำเป็นต้องมีภาพประกอบแนบมาให้แต่อย่างใด ฉันใดก็ฉันนั้น หนังอีโรติกที่ดี อาจไม่จำเป็นต้องมีการนำเสนอภาพของเรือนร่างหรือการเสพสังวาสอย่างโจ่งแจ้งโจ๋งครึ่มเสมอไป แต่มันอยู่ที่ว่าจะทำให้คนดู “เกิดอารมณ์ร่วม” ได้อย่างไร นั่นต่างหากที่สำคัญ

ผมเชื่อของผมเองว่า ขณะที่โคลอี้บอกเล่าถึงสิ่งที่เธอและเดวิดกระทำร่วมกันนั้น คนดูส่วนใหญ่น่าจะนึกภาพตามไปกับถ้อยคำของโคลอี้บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับแคทเธอรีนที่จินตนาการวาดภาพตามคำพูดของโคลอี้ว่าเซ็กซ์ระหว่างเด็กสาวกับสามีของเธอนั้นคงร้อนแรงเหลือหลาย

ฉากที่แคทเธอรีนสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองในห้องน้ำโดยจินตนาการภาพของการมีเซ็กซ์ระหว่างเดวิดกับโคลอี้ไปด้วยนั้น สะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีถึงตัวตนของคนที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความลุ่มหลงในเรื่องเล่า เสพติดการฟังเรื่องอีโรติกจากปากของเด็กสาว และนั่นก็กลายมาเป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้อะไรๆ ลุกลามบานปลายในแบบที่ยากต่อการจะกู้คืน...

มองในภาพรวมทั้งหมด Chloe จัดเป็นงานที่มีองค์ประกอบของความเป็นหนังดีในทุกๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นบทภาพยนตร์ที่สมเหตุสมผล จับความสนใจอยากติดตามและอยากรู้ได้อยู่หมัดตั้งแต่ต้นจนจบ นักแสดงก็สมบทบาทกันดีทุกคน (แม้เลียม นีสัน จะทำให้เรานึกถึง Taken อยู่ตลอดเวลาและลุ้นๆ ว่าเฮียแกจะลุกขึ้นมาฟาดปากใครตอนไหนหรือไม่ ฮา) ขณะที่ส่วนของเนื้อหาก็จัดได้ว่าเข้มข้น ซึ่งสำหรับคนที่ชอบสนุกกับการตีความ หนังก็มีแง่มุมหลากหลายให้ขบคิด ไม่ว่าจะเป็น “อำนาจของเรื่องเล่า”, ความอ่อนไหวของใจคน ไปจนถึงแรงผลักของความรักที่พร้อมจะขับดันให้มนุษย์เราก่อเรื่องราวที่เหลือเชื่อได้เสมอๆ

โดยทิศทางของหนัง โคลอี้จัดอยู่ในหมวดหมู่ของหนังที่เรียกกันว่า “ฟาม ฟาทาล” (Femme Fatale : หนังที่พูดถึงหญิงร้าย) อย่างเช่น Fatal Attraction, The Last Seduction หรือ Body Heat ฯลฯ แต่สิ่งที่ค่อนข้างให้ความรู้สึกแตกต่างออกไปจากหนังหญิงร้ายส่วนใหญ่ก็คือ ความร้ายใน Chloe นั้นเป็นความร้ายในแบบที่เมื่อเราได้รับทราบแรงจูงใจอันแท้จริงของพฤติกรรมตัวละครแล้ว มันกลับทำให้เรา “ยอมรับได้” ในความร้ายนั้น และอาจถึงขั้นสงสารเห็นใจ เข้าทำนอง “ถึงร้ายก็รัก”...

ไม่บ่อยนักหรอกครับที่จะมีหนังเนื้อหาดีๆ บทเจ๋งๆ แบบนี้มาให้เราได้ชมกัน แต่สำหรับหนุ่มๆ บางคนในออฟฟิศย่านถนนพระอาทิตย์ ผมได้ยินเขาพูดกันว่า หนังเรื่องนี้ แค่ไปดูน้องหนูอแมนดา ไซฟรี้ด ก็คุ้มนักคุ้มหนาแล้วกับค่าตั๋วร้อยกว่าบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น