"Rise and rise again untill lambs become lions."
ฉะนั้นหากดู Robin Hood เวอร์ชั่นนี้จบเมื่อไหร่ กลับถึงบ้านหยิบ Robin Hood ฉบับแอนิเมชั่นของ Disney หรือฉบับคนแสดงที่ Kevin Costner แสดงนำมาดูต่อเลยก็ยังได้ (แถม Robin Hood ภาคนี้ จะว่าไปแล้วก็ถือเป็นภาคต่อของหนังสงคราม-Epic เรื่องก่อนของผกก. Ridley Scott อย่าง Kingdom of Heaven ได้อยู่ เพราะในตอนจบของ KoH เป็นตอนที่พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ยาตราทัพไปตีเยรูซาเล็ม ในขณะที่ตอนต้นเรื่องของ Robin Hood เป็นตอนที่พระเจ้าริชาร์ดถอยทัพกลับอังกฤษ)
ซึ่งตัวหนัง Robin Hood ภาคนี้เองก็อธิบายที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัวและเป็นการปูพื้นเรื่องราวทั้งหมดเพื่อที่เรื่องราวใน Robin Hood เวอร์ชั่นใหม่นี้จะสามารถดำเนินต่อไปจนกลายเป็นเรื่องราวของ Robin Hood ในเวอร์ชั่นอื่นๆได้จริงๆ
สองนักแสดงนำชาย-หญิงดีกรีออสการ์ของเรื่อง Russell Crowe กับ Cate Blanchett เล่นได้ดีตามมาตรฐาน(อันสูงลิบ)ของตัวเอง(และถึงจะน่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็นสองคนนี้ปล่อยพลังดาราเหมือนตอนที่ต่างฝ่ายเล่นเรื่อง Gladiator กับ Elizabeth ข่มกัน แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเสียดายอะไรมากมายเพราะตัวหนังก็ไม่ได้เรียกร้องให้สองนักแสดงปล่อยของออกมาเยอะๆ)
โดยพระเอกของเรื่อง Russell Crowe ไปได้ดีกับบท Robin Hood (ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีคนครหาว่าหุ่นไม่ให้บ้าง ทรงผมไม่ใช่บ้าง) ทำให้คนดูเชื่อได้จริงๆว่าตัวละคร Robin Longstride ในภายหลังจะกลายเป็นจอมโจร Robin Hood ได้จริงๆ(ไม่ว่าจะเป็น Robin Hood เวอร์ชั่นไหนก็ตาม)
และยังสร้างอารมณ์ร่วมระหว่างคนดูกับตัวละคร แม้จะไม่เข้มข้นเท่าคราวรับบทเป็น Maximus แต่ก็ไม่โหวงเหวงเท่ากับบทของ Balian de Ibelin (Orlando Bloom) พระเอกของเรื่อง Kingdom of Heaven ที่จู่ๆไม่รู้ไปเก็บเลเวลมาจากไหน? จากช่างตีเหล็กธรรมดาภายหลังได้เป็นขุนพลผู้พิทักษ์คนสุดท้ายแห่งเยรูซาเล็มไปซะงั้น
ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆก็เกลี้ยๆบทกันไป จะมี Max von Sydow ดารารุ่นเก๋าที่รับบทเป็น Walter Loxley อัศวินเฒ่าผู้รับ Robin เป็นลูกบุณธรรมนี่แหละที่ดูโดดเด่นกว่าใครเพื่อน(แต่ก็ในฐานะตัวประกอบ...เอ้ย!? นักแสดงสมทบอ่ะนะ)
เรื่องโปรดักชั่นคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ก็ตามมาตรฐานหนังบล็อกบัสเตอร์ฮอลลีวู้ด ฉากรบตอนท้ายเรื่องที่ถือเป็นไคลแม็กซ์ทำออกมาอลังการใช้ได้ แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่ารุ่นพี่ๆอย่าง LOTR, Troy, Kingdom of Heaven ฯลฯ
โทนของหนังเองก็ออกแนวแมนๆ หึกเหิมตามฟอร์ม แต่ไม่ได้หึกเหิมแบบแอบซึ้งแบบ Braveheart, ไม่ได้หึกเหิมปนจริงจังเคร่งขรึมแบบ Gladiator, และไม่ได้หึกเหิม บ้าเลือด โหด โฉด เถื่อนแบบ 300 คือเป็นความรู้สึกหึกเหิมที่อยู่ตรงกลาง ตามมาตรฐานอีกนั่นแหละ(เบื่อเหมือนกันที่ต้องแต่ใช้คำเดิมๆอ่ะนะ)
เนื้อเรื่อง ช่วงแรกของหนังจะเป็นการปูพื้นตัวละครของ Robin ส่วนช่วงหลังจะเข้าสู่ประเด็นของหนังจริงๆ(อิสรภาพ ความเท่าเทียม ลูกแกะล่าซิมบ้า บลาๆๆ) มีการพูดปลุกใจ หึกเหิมเข้าไว้แล้วไปรบกัน แล้วก็รบกันตามสูตร (แนวๆ Avatar เลย) ...
สรุปนะครับ หนัง Robin Hood เวอร์ชั่นใหม่ของผกก. Ridley Scott ในสายตาของผมทำออกมาได้"ตามมาตรฐาน"(อีกแล้ว)ครับ เป็นหนัง Prequel ที่ไม่ได้ดีเลิศเพอร์เฟ็กต์ขนาด Batman Begis หรือแย่แถมออกทะเลแบบ Hannibal Rising
ใครที่ชอบหนังสงคราม-Epic, ชอบสองนักแสดงนำของเรื่อง จะตีตั๋วเข้าไปดูก็คงไม่น่าเสียดายตังค์หรอกครับ แต่หนังมันไม่ถึงขั้น"ชอบมาก ห้ามพลาด ต้องดูให้ได้"ก็เท่านั้น(แต่ก็อย่างว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นครับ ความเห็นของผมฟังหูไว้หูก็พอ)
ผมให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 7.5/10 ครับ...
โดย Apple101
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น