Search
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วิจารณ์ Salt
นับเป็นปรากฏการณ์อีกครั้งสำหรับหนังที่มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขบท หลังจากที่ต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงนำกระทันหัน กับหนังแอ๊คชั่นมันๆเรื่องนี้ Salt สวยสังหาร ซึ่งเดิมทีทางผู้กำกับได้วางตัวว่าเป็น ทอม ครูซ มารับบทเป็นเอ็ดวิน เอ. ซอลท์ ซึ่งเป็นตัวละครตัวหลักสำหรับหนังเรื่องนี้ แต่ทว่าด้วยคาแรกเตอร์ที่มีส่วนคล้ายคลึงกับ “อีธาน ฮันต์” ในมิสชั่น อิมพอสสิเบิ้ล จึงทำให้ ทอม ครูซ คิดอยู่นาน และปฏิเสธบทนี้ไป และบทนี้ก็มาลงตัวที่ “แองเจลีนา โจลี่” ด้วยการปรับเปลี่ยนให้บทนำของเรื่องกลับเป็น ผู้หญิง แทนที่จะเป็น ชาย เหมือนเดิม พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อตัวละครหลักมาเป็น เอเวอลีน ซอลท์ แทน
ตัวหนังเริ่มเล่าเรื่องด้วยการเปิดฉาก ซอลท์ ถูกจับในเกาหลี ฐานเป็นสายลับ เธอถูกทรมานด้วยการกรอกน้ำมัน เพื่อให้เธอรับสารภาพ แต่แล้วทางการสหรัฐฯ ก็ได้ส่งคนมาช่วยเหลือเธอ ด้วยการแลกเปลี่ยนตัวประกัน ทำให้เธอรอดพ้นวิกฤตเลวร้ายนี้มาได้ แต่ความจริงแล้วคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอนั้น เป็นชายหนุ่มที่พร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเธอ
หลังจากนั้น ซอลท์ ก็ดูเหมือนว่าจะได้ดำเนินชีวิตไปตามวิถีของผู้หญิงที่ตกอยู่ในห้วงรัก จนกระทั่งเมื่อสายลับจากรัสเซียนายหนึ่งปรากฏตัว มันจึงเป็นเหมือนตัวระเบิดเวลาที่ทำให้ทีมงานเกิดความระแวง และคาดว่า ซอลท์ นั้น คือสายลับรัสเซียแฝงตัวมา และกลายเป็นจุดเริ่มของความมันในการตามไล่ ตามล่า สายลับ อย่างถึงพริกถึงขิง ในส่วนนี้น่าจะพูดได้ว่า ฝรั่ง หูเบา ที่เชื่อในสิ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ เพียงแค่สืบดูจากประวัติข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ ก็เชื่อแล้วว่า เพื่อนร่วมงานคนนี้เป็นสายลับ
ในเรื่อง ซอลท์ ได้มีการอธิบายถึงความเป็นสายลับ ด้วยตัวละครเองในคำพูดที่สื่อออกมาว่า สายลับที่ดีจะต้องมีสมาธิ หากมีความรัก หรือคนรัก นั่นจะทำให้การเป็นสายลับด้อยลง ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มที่ซอลท์ฝากชีวิตไว้ด้วยการแต่งงาน (คนเดียวกับที่ช่วยเหลือให้เธอพ้นจากคุกเกาหลี) กำลังตกอยู่ในอันตราย และนั่นจึงทำให้ ซอลท์ ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะช่วยเหลือชายคนรักให้รอดพ้นวิกฤตการณ์เลวร้ายนี้ให้ ได้
ในเวลาเพียงแค่เริ่มต้น มีการปูพื้นตัวละครหลักในการเป็นจารชน หรือสายลับ ให้คนดูได้เข้าใจปูมหลังได้ดี ยิ่งในช่วงที่ แองจี้ ที่รับบทเป็น ซอลท์ จะต้องเปลี่ยนบทบาทหน้าที่จากเจ้าหน้าที่ซีไอเอไปเป็นสายลับก็ทำได้ดี ทำให้คนดูเชื่อว่า แองจี้ คือ ซอลท์ ซึ่งถูกฝึกปรือมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแก้ปัญหา วิธีการใช้อุปกรณ์เคมีประกอบระเบิด ซึ่งตัวหนังสื่อออกมาให้คนดูเห็น และร่วมลุ้นไปกับเธอโดยเฉพาะเมื่อเธอแปลงโฉมกลายเป็นสายลับสาวผมดำ ตาคม การแสดงออกทางสีหน้า แววตา ของเธอ ดูแล้วให้ความรู้สึกว่า นี่แหละ ซอลท์ ล่ะ
อีกทั้งการสลับไปยังภาพในอดีตของ ซอลท์ ก็ทำได้อย่างลงตัว ไม่มีสะดุดตา ทำให้คนดูอย่างเรารู้ว่าความจริงแล้วตัว ซอลท์ ตั้งแต่เด็กเป็นใคร และถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน และ โดยใคร ซึ่งจุดนี้นี่เองที่กลายเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้คนดูไขว้เขว ไม่แน่ใจว่าจะเชื่อว่า ซอลท์ บริสุทธิ์ หรือ ไม่บริสุทธิ์ หลังจากที่ถูกปรักปรำ
ความสนุกเริ่มเพิ่มขึ้นในส่วนของการตามไล่ล่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ซีไอเอ กับ ซอลท์ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหนีของซอลท์ จากรถยนต์เจ้าหน้าที่ ที่คนดูก็ลุ้นกันสุดตัวเหมือนกันว่าอยากให้เธอรอดพ้น นับเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่ยังไม่เปิดเผยให้คนดูรู้ว่าแท้จริงแล้ว ซอลท์ เป็นสายลับ ที่แฝงตัวมา หรือว่าเป็นสายลับที่กลับใจแล้วกันแน่ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้คนดูอยากติดตามว่าจะเกิดอะไร เหตุการณ์เป็นแบบไหน และ ซอลท์ จะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์จวนตัวแบบนี้
ฉากแอ๊คชั่น ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นระเบิดตูมตาม แต่ก็มีน้ำหนักที่พอเหมาะกับเรื่องราวที่นำเสนอ เสียงดนตรีประกอบที่มาในจังหวะพอดีก็ยิ่งเป็นตัวเสริมให้เกิดความน่าดูในตัว หนัง ประกอบกับเหตุการณ์ สถานการณ์ที่ไล่เรียงมา ก็ดูมีเหตุมีผล มีการใช้ความคิดมากกว่าจะเป็นแค่หนังจารกรรมธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ว่าอาจจะมีหลายคนที่พอจะคาดเดาทางหนังได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงรอลุ้นกับปฏิบัติการของนักแสดงคนนี้ แองเจลีน่า โจลี่ น่าจะพูดได้ว่าเธอมีพลังดารา และพรสวรรค์ สะกดสายตาคนดูให้ตรึงอยู่บนหน้าจอได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบทพะบู๊ที่ไม่น่าเชื่อว่า นักแสดงสาวลูกแฝดอย่างเธอ ยังมีกำลังวังชาออกหมัดได้มากมาย รวมถึงการต่อสู้ด้วยอาวุธต่างๆ ซึ่งดูคล่องแคล่ว ไม่ต่างจากตอนเป็น ทูม ไรเดอร์ และออกจะคล่องกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ขอบคุณบทวิจารณ์ โดย ซายากะ โฮมส์-ดอยล์
วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก FIRST LOVE
เป็นหนังที่เยี่ยมมาก ๆ ครับ น่าจะเทียบได้กับรถไฟฟ้ามาหานะเธอได้เลย หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ
ดูแล้วนึกถึงตอนเรียนมัธยม
เนื้อหาของหนังก็ดีมาก แม้จะเป็นสูตรสำเร็จหนังรักมากไปหน่อย
มาริโอ้ ก็พัฒนาฝีมือการแสดงได้ดี ใบเฟิร์นก็น่ารัก
ฉากก็สวยงาม เพลงประกอบก็เพราะ
ช่วงสนุก ก็สนุก ช่วงซึ้งก็ซึ้ง เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ
เป็นหนังไทย โรแมนติก คอมานดี้ ที่สมบูรณ์มากเรื่องหนึ่งทีเดียว
แต่ก็มีจุดไม่เนียนนิดหน่อย ตรงพัฒนาการของนางเอก (แต่บางคนที่ไปดูก็ว่าตอนเด็กดำตอนโตอาจขาวก็ได้ ก็ว่ากันไป)
ส่วนอีกจุดนึงก็คือมอเตอร์ไซค์สุดทันสมัยมีใช้กันตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อน อันนี้ถึงจะดูแปลก ๆ ก็ไม่ทำให้หนังเสียอรรถรสแต่ประการใด
เป็นหนังที่แนะนำให้ทุกคนได้ไปดูกันนะครับ
คะแนน จริง ๆ อยากให้ 9/10 แต่อดใจไม่ไหว ให้ 10 เต็มไปเลยแล้วกันนะครับ
วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วิจารณ์ โป๊ะแตก
วิจารณ์ Prince of Persia: The Sands of Time
วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553
Be With You (Return)
ฟันธง : Be with You : Be with Me...once and again...
ผมพยายามแล้วนะครับ พยายามมากๆ ด้วย ในการที่จะกลั้นใจไม่ให้สะเทือนใจมากขนาดนี้กับ Be with You หนังรักโรแมนติกจากประเทศญี่ปุ่น ที่โกยเงินและโกยกล่องกันเป็นที่สนุกสนานในญี่ปุ่น ...ผลเหรอครับ? ผมแพ้ยับครับ นั่งคอตกปาดน้ำตากันไม่ห่วงหล่อเลยทีเดียว
มีหลายๆ อย่างในหนังที่ผมไม่อยากเชื่อ ผมไม่อยากเชื่อว่า นี่เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก ของผกก.Nobuhiro Doi ผมไม่อยากจะเชื่อว่าพระเอก Shido Nakamura จะลบภาพไอ้โล้นโหดในเรื่อง Ping Pong ได้ และผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่า นางเอก Yuko Takeuchi จะน่ารักสดสวยมากกว่าที่เคยเห็นเธอมาจากเรื่องก่อนๆ ได้อีก (ขออภัยหากส่วนตัวไปนิ๊ด) แต่สิ่งหนึ่งที่ Be with You ทำให้ผมเชื่อคือผมเชื่อว่า Mio เธอกลับมาจริงๆ ในฤดูฝนของวันครบรอบการตาย 1 ปีของเธอ และจุดนี้เองที่บอกผมว่า ตัวหนังประสบความสำเร็จไปแล้วกว่าครึ่งค่อน ที่เหลือก็เพียงแค่พยายามประคองเนื้อหาที่เหลือไม่ให้ออกทะเลจนเกินไป แค่นี้ก็จับผู้ชมได้อยู่หมัดแล้ว
แต่กระนั้น ดูเหมือนว่าผกก. Doi จะเป็นพวกลัทธิซาดิสต์ที่ชอบทรมานคน ด้วยการให้ผู้ชมร้องไห้จนร่างกายขาดน้ำตายหมู่กันคาโรง เพราะตัวหนังไม่หยุดอยู่เพียงแค่ “ประคองเรื่องที่เหลือไม่ให้ออกทะเล” แต่กลับนำพล๊อตที่ดีและน่าสนใจมากอยู่แล้วในระดับเกรด A ซึ่งหากเป็นหนังรักเรื่องอื่นๆ เรื่องราวแค่นี้ก็คงจะ “ได้ใจ” ผู้ชมมากพอจนโกยเงินโกยทองได้อยู่แล้ว แต่ Be with You นำพล๊อตเรื่องระดับ A นี้ มาต่อเติมเสริมความจี๊ดจนกลายเป็นพล๊อตระดับ “A พิเศษ (เพิ่มเส้นเพิ่มลูกชิ้น)” โดยการสอดแทรกมุขที่คัดมาแล้วว่าจี๊ดมาก (มากจนถึงขั้นดิ้นกันกลางโรง ) มุขแล้วมุขเล่าใส่เข้ามาในเนื้อเรื่องที่แสนจะแน่นปึ๊ก แต่อ่อนโยนได้ถูกใจคอหนังรักจนนั่งดูไปก็ร่ำๆ อยากโทรไปบอกรักแฟนกันซะเดี๋ยวนั้น
อันที่จริง ผมพบว่าการเขียนถึง Be with You นี้ เป็นการเขียนถึงหนังที่ยากมากๆ เรื่องหนึ่ง ประการแรกคือผมมักจะบรรยายหนังที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ(เช่นเรื่องนี้) ออกมาเป็นคำพูดได้ยากโดยไร้สาเหตุอยู่เสมอ ประการที่สอง หลายๆ ช่วงในหนังอยู่ในขั้น “ความลับทางราชการ” ห้ามเผยแพร่โดยเด็ดขาด(ใครฝ่าฝืน ผมขอแช่งให้แฟนหนีไปดูกับกิ๊ก) และประการสุดท้าย ซึ่งผมเห็นว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดของหนัง คือบทหนัง Be with You นั้น มีรายละเอียดซับซ้อนยอกย้อนยิบย่อยมากมายแฝงเร้นกาย รอให้คุณจะจับจุดจี๊ดเป็นระยะๆ ตลอดทั้งเรื่อง เรียกได้ว่า เมื่อคุณชมหนังจบ คุณสามารถมานั่งย้อนนึกถึงมุขหวานอันนั้น มุขซึ้งอันนี้ที่คุณสังเกตหรือนึกไม่ทัน ณ ขณะที่ดูได้อีกเป็นคุ้งเป็นแคว
หากจะมีข้อติติงกันอยู่บ้าง (ตรงนี้ผมขอสารภาพว่า ผมทำไปตามหน้าที่บังคับจริงจริ๊ง...ลึกๆ แล้ว ผมไม่ได้แคลงใจอะไรเลยแม้แต่น้อย) คงอยู่ที่หลายๆ ช่วงในหนังดูคล้ายๆ ว่าจะ ‘ได้รับอิทธิพล’ จากหนังเกาหลีบ่อยไปสักหน่อย หลายๆ ฉากดูคุ้นๆ ตาพอสมควร แต่กระนั้น ผมขอยืนยันว่าเป็นการได้รับอิทธิพลที่นำ “ของดี” มาสานต่อให้เป็น “ของดีมากถึงมากที่สุด” การหยิบยืมเหล่านี้ล้วนนวลเนียนเป็นเนื้อเดียว สอดคล้องเป็นเหตุเป็นผล รับส่งกับตัวเรื่องที่วางเอาไว้และที่สำคัญคือ ไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกแม้แต่เพียงเศษเสี้ยววินาทีเลยว่าใส่มาเพื่อขายของกันเท่านั้น (เอ๊ะ นี่ผมกำลังพูดถึงข้อเสียหรือข้อดีกันนะ?) ...เอาเป็นว่า ผมเปิดใจกันตรงๆ เลยแล้วกันว่าข้อเสียของ Be with You นั้นมีอยู่บ้าง แต่ผมมองข้ามมันไป ด้วยความที่ผมเลือกที่จะใช้ใจดูมากกว่าใช้ตาทั้งสี่ของผม
ดารานำทั้งสามคน ล้วนได้ใจผมไปเต็มๆ และลุ้นให้ได้ “เข้าชิงรางวัลกันยกบ้าน” เริ่มจาก Yuko ที่สวยสง่า สดใส น่ารักมากขึ้นกว่าเรื่องก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด(กับคอสตูมที่ดูดีขึ้นจาก Yomigaeri จนน่าดีใจแทน) ฝีมือทางการแสดงของเธอในเรื่องนี้นิ่ง ลึกและเข้าถึงตัวละครได้ในระดับดาราแถวหน้าของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ในขณะที่บทลูกชายของ Akashi Takei ก็น่ารักน่าชัง สดใสแต่ไม่แก่แดด ไม่บีบน้ำตาจนหมดอารมณ์เหมือนหนังขายเด็กเรื่องอื่นๆ และสุดท้ายกับ Shido ที่เปลี่ยนตัวเอง “จากหน้ามือตัวเองเป็นหลังเท้าชาวบ้าน” จากไอ้โหดในเรื่อง Ping Pong มาเป็นคุณพ่อเฉิ่มเบ๊อะที่แสนน่ารักได้น่าเชื่อถือมากอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ส่วนงานด้านเทคนิคของหนังอยู่ในเกณฑ์เหนือมาตรฐานแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านภาพที่นอกจากจะงดงามทรงพลังแล้ว ยังสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครและส่งความหมายแฝงมายังผู้ชมได้ดี อีกทั้งดนตรีประกอบที่รับใช้ตัวหนังดีเยี่ยม สามารถเร้าอารมณ์ผู้ชมได้แทบจะทันทีที่ขึ้นโน้ตตัวแรก ในขณะที่ไม่ไพเราะ และเป็นเอกภาพมากจนไปบดบังเรื่องราวของหนัง
หากมองด้วยมุมมองของการทำภาพยนตร์แล้ว Be with You อาจไม่มีคุณค่าครบถ้วนเต็มร้อย แต่หนังเรื่องนี้มอบคุณค่าทางจิตใจให้ผู้ชมจนเกินร้อย เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะเรียกได้เต็มปากว่า มีศักยภาพมากพอที่จะยกระดับจิตใจผู้ชมได้ อย่างน้อยๆ ตัวหนังจะทำให้คุณตระหนักได้ว่า ความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนนั้น ทรงคุณค่าเพียงไรกับการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ ทั้งนี้ ผมคงไม่แสดงความชื่นชอบ Be with You อย่างออกนอกหน้ามากไป จนกระทั่งนำไปเทียบกับหนังญี่ปุ่นโรแมนติกในตำนานอย่าง Love Letter ของผกก.ชุนจิ (แม้ว่าโดยส่วนตัวจริงๆ แล้ว ผมจะคิดเช่นนั้นก็ตาม) เอาเป็นว่าหาก Nobody Knows เป็นหนังฟ้าประทานของหนังญี่ปุ่นแนวดรามาในปีนี้ ผมขอยกให้ Be with You เป็นหนังฟ้าประทานในประเภทหนังรักโรแมนติกแล้วกัน ....และผมไม่ได้ต่อท้ายด้วยคำว่า ‘ในปีนี้’ นะครับ....นีอุงลองแล้ว เยี่ยมยอดมากๆ ครับ]!!
official site : www.bewithyou.co.kr ,http://www.tbs.co.jp/movie/english/bewithyou/
neunth@yahoo.com นีอุง นีอุง 07/05/05 | |
โดยส่วนตัวแล้ว เรื่องนี้ถ้าไปดูกะแฟนรักกันตายห่าเลย ถ้าไปดูกะกิ๊ก....ข้ามไปก็แล้วกัน ถ้าไปดูพ่อแม่ลูกก็ดีมากเหมือนกัน เพราะหนังเกี่ยวกับความรักระหว่าง พ่อแม่ลูก ระหว่าง พ่อ-ลูก แม่-ลูก พ่อ-แม่ ครบเลย ถึงเคยดูมาแล้วไปดูอีกรอบกับคนที่รู้ใจผมว่าคุ้มนะ |